งานซ่อมบำรุงเป็นกิจกรรมที่มีอยู่ตลอดอายุของเครื่องจักรไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งส่งผลต่อผลประกอบการของลูกค้าโดยส่งผลกระทบทั้งทางด้านรายได้และค่าใช้จ่ายของบริษัท ผลกระทบทางด้านรายได้คือ ความไม่พร้อมของเครื่องจักร อุปกรณ์ในการผลิต ทำให้ลูกค้าไม่สามารถสร้างรายได้ หรือไม่มีประสิทธิผลในการผลิตเท่าที่ควร ผลกระทบทางด้านค่าใช้จ่ายคือ ต้นทุนในการซ่อมแซมเครื่องจักร ดังนั้นการเพิ่มสมรรถนะทางด้านบำรุงรักษาจึงเป็นความจำเป็นที่จะส่งผลดีต่อลูกค้าทุกท่าน
การบำรุงรักษาเครื่องจักร หรือการซ่อมบำรุง เราสามารถแบ่งหัวข้อดังนี้
การบำรุงรักษาแบบแก้ไข (Corrective Maintenance: CM) เป็นวิธีการธรรมดาที่สุดและมีข้อจำกัดที่เห็นได้ชัด และในทุกๆ อุตสาหกรรมยังใช้กลยุทธ์การบำรุงรักษาแบบนี้อยู่ โดยจะดำเนินการก็ต่อเมื่ออุปกรณ์เสียหายทำให้ต้องหยุดเครื่องจนไม่สามารถทำการผลิตได้ หรือเกิดข้อขัดข้องเสียหายในขณะที่เครื่องจักรกำลังทำงานอยู่โดยไม่รู้มาก่อน และเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้ต้องหยุดเครื่องจักรเพื่อทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสียหาย
การบำรุงรักษาเพื่อป้องกัน (Preventive Maintenance: PM) โดยทั่วไประยะเวลาการทำ PM ดังกล่าวสามารถหาข้อมูลอ้างอิงได้จากคู่มือของเครื่องจักรจากผู้ผลิต หรือจากประวัติของเครื่องจักรที่ผ่านมา เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, ไส้กรอง, และอื่นๆ
การบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition-based maintenance: CBM) โดยอาศัยสัญญาณเตือนจากเครื่องจักรซึ่งโดยทั่วไปเครื่องจักรจะมีสัญญาณเตือนก่อนที่เครื่องจักรจะเกิดความเสียหายเช่น ความร้อน, เสียง, การสั่นสะเทือน เป็นต้น หากเราสามารถตรวจสอบสันญาณเตือนจากเครื่องจักรได้เราก็สามารถที่จะกำหนดการบำรุงรักษาที่จำเป็นก่อนที่เครื่องจักรจะเกิดความเสียหายได้ ซึ่งจะทำให้เราลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง ได้อย่างเหมาะสมตามสภาพและเวลา กลยุทธ์การบำรุงรักษาตามสภาพจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีพื้นฐานอยู่ที่ข้อมูล เหล่านี้เป็นต้น
การบำรุงรักษาเชิงรุก (Proactive Maintenance) หรือที่เรียกว่า Design out Maintenance หรือ Precision Maintenance คือการแก้ปัญหาที่สาเหตุหลักที่ทำให้เครื่องจักรเสียหาย และทำการแก้ไขปัญหาล่วงหน้าเพื่อลดโอกาสการชำรุดเสียหายของเครื่องจักรซึ่งจะทำให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นเมื่อถูกนำไปใช้งาน อีกทั้งการบำรุงรักษาที่กล่าวมาข้างต้นทั้งสามวิธีไม่สามารถทำให้อายุการใช้งานของเครื่องจักรเพิ่มขึ้น เพียงแต่เป็นมาตรการที่ทำให้เครื่องจักรใช้งานได้นานที่สุดตามที่ผู้ผลิตได้ออกแบบไว้ ข้อดีของการบำรุงรักษาแบบเชิงรุกคือ อายุการใช้งานของเครื่องจักรเพิ่มขึ้น, ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง, ลดความเสียหายที่เกิดกับเครื่องจักร เพียงแค่เรารวบรวมข้อมูลและทำการแก้ไขในส่วนที่กำลังจะเกิดปัญหาเท่านี้เราก็สามารถยืดอายุการใช้งานเครื่องจักรของเราได้แล้วครับ
หากท่านต้องการคำปรึกษาทางด้านการบำรุงรักษาเครื่องจักร
กรุณาติดต่อฝ่ายบริการได้ที่สายด่วน 02-6211055
Comments